วันจันทร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

โรควัณโรค (ทีบี)

โรควัณโรค (ทีบี)
สาเหตุ
        เกิดจากการที่ร่างกายได้รับเชื้อแบคทีเรียติดมากับละอองเสมหะและละอองน้ำลายที่กระจายในอากาศ
อาการ
        สมัยก่อนคนเรียกโรคนี้ว่า ฝีในท้อง ถ้าใครเป็นละก็ตายทุกราย ไม่มียาแก้แถมคนที่ป่วยยังถูกรังเกียจด้วย แต่ปัจจุบันโรคนี้สามารถรักษาได้
        วัณโรคในเด็กและผู้ใหญ่ต่างกันมาก ในผู้ใหญ่มักจะมีจุดที่ปอด มีไข้ต่ำ อ่อนเพลีย ไอแห้งๆและผอมแห้งแรงน้อย
        ในเด็กอายุต่ำกว่า 2 ปีจะมีความต้านทานต่ำเมื่อได้รับเชื้อ จะไม่สามารถสกัดกันเชื้อได้ และเชื้อจะกระจายไปตามร่างกายและอาจรุนแรงมากเมื่อเชื้อไปถึงสมอง
การป้องกัน
        โรคนี้สามารถป้องกันได้โดยการฉีดวัคซีน “บีซีจี” เมื่อแรกคลอด ส่วนมากฉีดบริเวณหัวไหล่ข้างซ้ายของเด็ก ตุ่มนี้ต่อมาจะเป็นหนองและยุบไปในที่สุด พออายุ 4-7 ปีจึงจะฉีดซ้ำอีกครั้ง

ที่มา http://www.thaigoodview.com/library/studentshow/st2545/5-5/no46-48/wer5.htm

โรคไข้หวัดและไข้หวัดใหญ่

โรคไข้หวัดและไข้หวัดใหญ่
        เป็นโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัส เกิดได้ทุกเพศทุกวัย ระบาดได้ตลอดปีมักเกิดในช่วงที่มีอากาศเปลี่ยนแปลง เช่น ฤดูฝนต่อกับฤดูหนาว
        ไข้หวัดและไข้หวัดใหญ่สามารถติดต่อจากคนหนึ่งไปยังอีกคนหนึ่ง โดย :
1. หายใจเอาเชื้อโรคเข้าไป
2. สัมผัสกับน้ำมูกและน้ำลายและเสมหะของผู้ป่วย
3. ใช้สิ่งของร่วมกับผู้ป่วย
อาการ
        ปากแห้ง คอแห้ง แสบคอ คันคอ คัดจมูก น้ำมูกไหล ไอจาม อ่อนเพลีย ปวดเมื่อยตามตัว อาจมีไข้หรือไม่มีก็ได้ ส่วนไข้หวัดใหญ่จะมีไข้หนาวสั่น อ่อนเพลีย ปวดศีรษะโดยเฉพาะบริเวณหน้าผากและกระบอกตา ปวดกล้ามเนื้อ ปวดเมื่อยตามตัว ต่อมาจะมีอาการคัดจมูก น้ำมูกไหล ไอ เจ็บคอ เคืองตา หน้าตาแดง อาการมักจะเป็นอยู่ 2-4 วัน แล้วไข้จะลดลง
ภาวะแทรกซ้อนของไข้หวัด
1. น้ำตาไหล กลัวแสง หนังตาบวม เยื่อบุตาอักเสบ
2. ปวดหู หูน้ำหนวก
3. หลอดลมอักเสบ กล่องเสียงอักเสบ
4. ปอดบวม
ภาวะแทรกซ้อนของไข้หวัดใหญ
1. หูน้ำหนวก
2. หลอดลมอักเสบ
3. ปอดบวม ปอดอักเสบ
4. กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ
5. สมองอักเสบ
การรักษา
1. พักผ่อนมากๆ และอยู่ในห้องที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก
2. กินอาหารที่มีประโยชน์และย่อยง่าย ควรดื่มน้ำมากๆ
3. ไม่ควรอาบน้ำ แต่ควรเช็ดตัว
4. ปิดจมูก ปาก เวลาไอหรือจาม และบ้วนน้ำลายลงในภาชนะที่ใส่ยาฆ่าเชื้อโรค
5. ควรพบแพทย์และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์
6. ควรหยุดพักงานหรือการเรียนชั่วคราว จนกว่าจะหายเป็นปกติ เพื่อป้องกันการแพร่ของเชื้อโรค
ข้อแนะนำในการป้องกัน
1. กินอาหารที่เป็นประโยชน์
2. ออกกำลังกายและพักผ่อนนอนหลับและทำอารมณ์ให้แจ่มใสอยู่เสมอ
3. หลีกเลี่ยงการอยู่ในสถานที่แออัดยัดเยียด
4. รักษาร่างกายให้อบอุ่นอยู่เสมอ
5. อย่าคลุกคลีกับผู้ป่วยโดยเฉพาะอย่าใช้ของร่วมกับผู้ป่วย

http://www.thaigoodview.com/library/studentshow/st2545/5-5/no46-48/wer2.htm

โรคตาแดง

โรคตาแดง
          โรคตาแดง เป็นโรคติดต่อที่ระบาดได้ง่ายมาก  โรคนี้จะไม่ทำให้เป็นอันตรายถึงชีวิตแต่ถ้าไม่รีบรักษาอาจเกิดโรคแทรกซ้อนได้
สาเหต
1. ใช้มือสกปรกที่อาจมีเชื้อโรคขยี้ตา
2. ใช้สิ่งของเครื่องใช้ร่วมกับผู้ที่เป็นโรค  หรือเล่นกับผู้ป่วย
3. แมลงวันหรือแมงหวี่ตอมตา  หรือฝุ่นละอองเข้าตามาก ๆ  จนตาอักเสบ
4. อาบน้ำในคลองสกปรก  หรือที่มีตาแดงระบาด
การป้องกัน
1. ไม่คลุกคลีกับผู้ป่วย
2. ล้างหน้าและมือให้สะอาดอยู่เสมอ
3. ไม่ควรเอามือขยี้ตา
อาการ
        จะรู้สึกเคืองตา  น้ำตาไหล  มีขี้ตามาก  อาจมีไข้เล็กน้อย  จะมีอาการประมาณ 10  วัน  ถ้าไม่รีบรักษาอาจเกิดโรคแทรกซ้อนได้
การรักษา
1. ควรพักสายตาบ่อย ๆ
2. ประคบตาด้วยผ้าเย็น   เช็ดตาด้วยสำลีชุบน้ำอุ่น
3. ป้ายตาด้วยขี้ผึ้ง  “ออคคูแลนท์ที”   วันละ 2 ครั้ง  เช้าและก่อนนอน  ติดต่อกัน  6-7  วัน  ถ้ายังไม่หายให้รีบไปพบแพทย์

  ที่มา www.thaigoodview.com/library/studentshow/.../5.../wer.htm